หลายท่านที่ต้องเดินทางโดยเครื่องบินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ คงได้มีโอกาสได้ใช้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิมาบ้างแล้ว ซึ่งบางท่านอาจจะสะดุดตากับผนังอาคารที่เป็นกระจกสูงต่อเนื่องจากพื้นถึงหลังคา โดยมีสายเคเบิ้ลโยงยึดกันไว้เป็นแนว และไม่มีเฟรมรอบแผ่นกระจกเหมือนกับอาคารทั่วไป
ในด้านการออกแบบอาคารจะเรียกผนังกระจกดังกล่าวนี้ว่าผนัง Facade ซึ่งก็คือผนังด้านนอกของตัวอาคารที่มีการออกแบบให้เกิดความสวยงามทางสถาปัตยกรรมเข้าไปด้วย
และจากการที่ผมได้มีส่วนร่วมในงานก่อสร้าง Facade อาคารสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เริ่มต้นการออกแบบ การกำหนด meterial spec. การจัดทำ method statement การจัดหา supplier และ sub-contractor และการวางแผนงานติดตั้ง จึงขอแบ่งปันประสบการณ์ด้านนี้เพื่อเป็นความรู้แก่ผู้ที่สนใจต่อไป
ในด้านการออกแบบอาคารจะเรียกผนังกระจกดังกล่าวนี้ว่าผนัง Facade ซึ่งก็คือผนังด้านนอกของตัวอาคารที่มีการออกแบบให้เกิดความสวยงามทางสถาปัตยกรรมเข้าไปด้วย
และจากการที่ผมได้มีส่วนร่วมในงานก่อสร้าง Facade อาคารสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เริ่มต้นการออกแบบ การกำหนด meterial spec. การจัดทำ method statement การจัดหา supplier และ sub-contractor และการวางแผนงานติดตั้ง จึงขอแบ่งปันประสบการณ์ด้านนี้เพื่อเป็นความรู้แก่ผู้ที่สนใจต่อไป
รูปที่ 1 ภาพถ่ายทางอากาศของโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ
รูปที่ 2 แผนที่สนามบินสุวรรณภูมิ
รูปที่ 3 แผนผังแสดงตำแหน่งอาคารผู้โดยสาร ในสนามบินสุวรรณภูมิ (อาคารหมายเลข
1 )
รายละเอียดโครงการ
บริษัทผู้รับเหมาหลักอาคารสนามบิน :
ITO Joint Venture
บริษัทผู้รับเหมางาน Facade: บริษัท
KAMA Joint Venture จำกัด
วิศวกรโครงการงานติดตั้งโครงสร้าง Facade
: บุญนาค อมรวุฒิวร และทีมงาน
1.1 FAÇADE
STEEL WORK
1.2 FAÇADE
GLAZING WORK
1.1 FAÇADE
STEEL WORK
หมายถึงส่วนของโครงสร้างเหล็กที่รับน้ำหนักของผนัง กระจกรอบตัวอาคารให้คงอยู่ได้
และสามารถต้านทานแรงกระทำต่างๆ เช่น แรงลม แรงจากแผ่นดินไหว ที่กระทำต่อผนังกระจกนี้
ในส่วนของ Façade Steel Work
ประกอบด้วยส่วนสำคัญ
ดังนี้
1. Vertical
Truss
2. Compression
Truss
3. Horizontal
Truss
4. Finger
5. Spider
6. Tension
Rod
7. Routel
หรือ
Fitting
8. Anchor
Casting
9. Portal
Frame
10. Linkage
11. Super
Truss Frame
1.
Vertical Truss
หรือเรียกโดยย่อว่า “VT” เป็นเสาหลักของโครงสร้าง Façade Steel Work ประกอบด้วยส่วนที่เป็นท่อเหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 559 มม.(OD.) เชื่อมกับเหล็กหล่อที่ปลายทั้ง 2 ข้าง ซึ่งในส่วนนี้จะเรียกว่า “Pylon” จากส่วนของ Pylon จะมีแขนยื่นออกมาด้านข้างเพื่อยึดกับ cable ความยาวของ Vertical Truss นี้อยู่ที่ประมาณ 25 ม. และมีน้ำหนักตัวประมาณ 9-24 ตัน (ขึ้นอยู่กับรูปแบบ) แต่ละตัวตั้งห่างกัน 9 ม. ตัว VT นี้ทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักของโครงสร้าง Façade และน้ำหนักของตัวแผ่นกระจก
หรือเรียกโดยย่อว่า “VT” เป็นเสาหลักของโครงสร้าง Façade Steel Work ประกอบด้วยส่วนที่เป็นท่อเหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 559 มม.(OD.) เชื่อมกับเหล็กหล่อที่ปลายทั้ง 2 ข้าง ซึ่งในส่วนนี้จะเรียกว่า “Pylon” จากส่วนของ Pylon จะมีแขนยื่นออกมาด้านข้างเพื่อยึดกับ cable ความยาวของ Vertical Truss นี้อยู่ที่ประมาณ 25 ม. และมีน้ำหนักตัวประมาณ 9-24 ตัน (ขึ้นอยู่กับรูปแบบ) แต่ละตัวตั้งห่างกัน 9 ม. ตัว VT นี้ทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักของโครงสร้าง Façade และน้ำหนักของตัวแผ่นกระจก
รูปที่ 4A ลักษณะส่วนฐานของ Vertical Truss
รูปที่ 5 ขณะกำลังเชื่อมประกอบ Pylon
รูปที่ 6 ตัวอย่างเหล็กหล่อส่วนบนของ Pylon
รูปที่ 7 ตัวอย่างเหล็กหล่อส่วนประกอบของ Pylon
รูปที่ 8 ตัวอย่างเหล็กหล่อส่วนแขนของ Pylon
2.
Compression Truss
หรือเรียกโดยย่อว่า
“CT” เป็นคานที่ยึดระหว่างส่วนบนของ
Vertical Truss แต่ละตัว
ประกอบด้วยท่อเหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 323
มม.(OD.) เชื่อมกับเหล็กหล่อที่ปลายทั้ง
2
ข้างและมีแขนยื่นออกด้านข้างเพื่อยึดกับ cable
ตัว CT นี้ทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักของโครงสร้างส่วนบนที่เรียกว่า
“Finger” ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไป
รูปที่ 9 ลักษณะของ Compression Truss
รูปที่ 10 ขณะเชื่อมประกอบ
Compression Truss
รูปที่ 12 Compression
Truss เมื่อประกอบชิ้นส่วนแล้วพร้อมยกติดตั้ง
3.Horizontal
Truss
หรือเรียกโดยย่อว่า “HT”
ประกอบด้วยท่อสแตนเลสเส้นผ่าศูนย์กลาง
50 มม.(OD.)
ยึดกับ
cable ที่ปลายทั้ง
2 ข้าง โดยยึดกับตัว Vertical
Truss ทั้ง 2 ข้าง ตัว
HT นี้ทำหน้าที่ในการต้านทานแรงลมที่เข้ามาปะทะกับแผ่นกระจก
รูปที่ 13 แสดงลักษณะของ Horizontal
Truss
รูปที่ 14 แสดงลักษณะของ Horizontal Truss
รูปที่ 15 ขณะยึดส่วนของ Horizontal
Truss เข้ากับ Vertical Truss
4.Finger
เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างโครงสร้าง
Façade กับโครงสร้างหลังคา
มีลักษณะเป็นแท่งเหล็กหล่อเชื่อมกับท่อเหล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง 139
มม.(OD.) มีหน้าที่รับน้ำหนักจาก
Tension Rod ส่วนของ
Finger นี้จะยึดอยู่กับ
Compression Truss ที่ส่วนฐานและ Secondary Truss
ที่ส่วนปลาย และเนื่องจากมีลักษณะคล้ายนิ้วมือจึงเรียกโครงสร้างส่วนนี้ว่า “Finger”
รูปที่ 16 ลักษณะของ Finger
รูปที่ 17 ลักษณะของ Finger เมื่อติดตั้งครบทุกส่วน
รูปที่ 18
ขณะเชื่อมประกอบส่วนของ Finger
รูปที่ 19 ตัวอย่างเหล็กหล่อส่วนประกอบของ Finger
5.Spider
เป็นชิ้นงานหล่อด้วยสแตนเลสชิ้นเดียว
มีลักษณะเป็นขาแยกออกจากแกนกลาง (มีทั้งแบบ 4
ขา , 3 ขา
และ 2 ขา ) ส่วนแกนกลางจะมีเกลียวขันยึดเข้ากับ
Horizontal Truss ในส่วนขาจะมีรูสำหรับยึดกับตัว
Fitting หรือ
Routel
6.Tension
Rod
มีลักษณะเป็นเพลาสแตนเลส(Stainless
Rod) เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 มม.
ความยาวต่อท่อนประมาณ 2.40 ม.
กลึงเกลียวที่ปลายทั้ง 2 ข้าง
โยงยึดกันในแนวดิ่งจาก Finger ด้านบนลงมา
จนถึงพื้นอาคารด้านล่าง ทำหน้าที่รับน้ำหนักของแผ่นกระจก
7.Routel
หรือFitting
เป็นส่วนที่ยึดโดยตรงกับแผ่นกระจกที่เจาะรูไว้แล้ว
ประกอบด้วยแกนสแตนเลส กลึงเกลียวเพื่อยึดกับ Spider
และ
ที่ปลายแกนอีกด้านมีลักษณะเป็นทรงกระบอกหุ้มด้วยแผ่นยางซึ่งเป็นส่วนที่สัมผัสกับตัวกระจก
รูปที่ 20 ลักษณะของ Spider , Routel และ Tension Rod
รูปที่ 21 ขณะทำการติดตั้ง Tension Rod
8.Anchor Casting
เป็นส่วนฐานของโครงสร้าง Façade
Steel Work
เป็นเหล็กหล่อชิ้นเดียว
วางบนพื้นคอนกรีตตัวอาคารและยึดด้วย Anchor Bolt ที่ฝังอยู่ในพื้นคอนกรีต
Anchor
Casting นี้เป็นส่วนที่จะยึดกับ Vertical
Truss
รูปที่ 22 ลักษณะของ Anchor
Casting ที่มาจากโรงงานผู้ผลิต
รูปที่ 23 ลักษณะของ Anchor Bolt ที่เตรียมฝังในพื้นคอนกรีต
( ตำแหน่งของ Corner Bay)
รูปที่ 24 ลักษณะของ Anchor Casting ที่ติดตั้งแล้ว (Typical
Bay)
9.Portal
Frame
เป็นโครงสร้าง Façade
Steel Work บริเวณช่วงที่เป็นซุ้มประตูเชื่อมต่อระหว่างตัวอาคารผู้โดยสารกับอาคารเทียบท่า(
Concourse Building )ด้านทิศใต้
มีลักษณะเป็นโครงถักเชื่อมประกอบกันด้วยท่อเหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง
219 มม.(OD.)
และ 114 มม.(OD.) ความสูงจากพื้นอาคารประมาณ 17
เมตร ความยาวประมาณ 22 เมตร
โครงสร้าง Portal Frame นี้จะรับน้ำหนักของ
Vertical Truss และ
Finger ที่อยู่ด้านบน
เนื่องจากโครงสร้างของ Portal Frame เป็นส่วนที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก
ประมาณ 40 ตัน จึงได้มีการพิจารณาแบ่งชิ้นส่วนของ Portal Frame ออกเป็น 4 ส่วน
เพื่อให้สามารถยกติดตั้งได้สะดวก แล้วจึงทำการเชื่อมประกอบกันที่หน้างาน
รูปที่ 25 ลักษณะของ Portal Frame ที่ติดตั้งหน้างาน
รูปที่ 26 ขณะเชื่อมประกอบ Portal
Frame
รูปที่ 27 ขณะติดตั้งส่วนประกอบ
Portal Frame ที่หน้างาน
10. Linkage
ประกอบด้วย 2
ส่วนคือ 1) Linkage
Beam ซึ่งเป็น ท่อเหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง
165 มม.(OD.)
ต่อเข้ากับ
Strut Bolt M100 ที่ยึดกับเหล็กหล่อ และ 2) Linkage Plate เป็นเหล็กแผ่นหนา
60 มม.
ดัดโค้ง Linkage
มี 2
แบบคือ
1. Linkage
VT
เป็นโครงสร้างที่ยึดส่วนปลายด้านบนของ
Vertical Truss เข้ากับส่วนของโครงสร้างหลังคา
Secondary
Truss
2. Lateral
Linkage
เป็นโครงสร้างที่ยึดส่วนของ
Compression Truss เข้ากับส่วนของโครงสร้างหลังคา
Secondary
Truss
รูปที่ 28 ลักษณะของ Lingake VT
รูปที่ 29 ลักษณะของ Lateral Lingake
รูปที่ 30 ชิ้นส่วนของ Lingake Beam ขณะเตรียมประกอบที่โรงงาน
รูปที่ 31 ขณะเชื่อมประกอบชิ้นส่วนของ Linkage Plate ที่โรงงาน
รูปที่ 32 ขณะติดตั้ง Lingake Plate ยึดกับ Secondary Truss
11. Super Truss Frame
มีลักษณะเป็น
frame รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ขนาด 13.5x7.8 ม.
เพื่อปิดช่องว่างที่อยู่ใต้โครงสร้างของ Super
Truss โดยด้านบนจะยึดกับ Secondary Truss และด้านล่างยึดกับ Super Truss
ประกอบด้วยเหล็กกล่องสี่เหลี่ยม(Tube)
ขนาด
250x100x4.5 มม.
เชื่อมประกอบกันเป็นเฟรมย่อย แล้วนำเฟรมแต่ละส่วนมาเชื่อมต่อกันที่หน้างานขณะติดตั้งอีกครั้งหนึ่ง
และมีน้ำหนักทั้งชุดประมาณ 7.5 ตัน
รูปที่ 33 ชิ้นส่วนของ Super Truss Frame ขณะเตรียมติดตั้ง
รูปที่ 34 ชิ้นส่วนของ Super Truss Frame ขณะยกติดตั้ง
รูปที่ 35 ชิ้นส่วนของ Super Truss Frame เมื่อติดตั้งแล้ว
1.2 FAÇADE
GLAZING WORK
ประกอบด้วยงานติดตั้งแผ่นกระจก(Glass
Panel) งานยาแนวรอยต่อแผ่นกระจกด้วยซิลิโคน(Silicone
Sealant) และงานติดตั้งแผ่นอลูมิเนียมช่วงรอยต่อระหว่างผนังกระจกกับส่วนของหลังคา(
Aluminium Movement Joint )
รูปที่ 36 แสดงส่วนประกอบของงาน Façade Glazing
รูปที่ 37 แสดงส่วนของ Aluminium Movement Joint
รูปที่ 38 ขณะติดตั้งงานผนังกระจก
รูปที่ 39 ผนังกระจกที่ติดตั้งแล้ว (ด้านทิศตะวันออก)
รูปที่ 40 ลักษณะ Mast Climbing Platform ที่ใช้ติดตั้งกระจก
รูปที่ 41 ขณะกำลังติดตั้งกระจก
รูปที่ 41A การติดตั้งกระจก
รูปที่ 41B ภาพงาน FAÇADE เมื่อติดตั้งแล้วเสร็จ